สื่อวีดิทัศน์การสอน เรื่อง :: ขั้นตอนการพัฒนาโปรแกรมภาษาซี ::

———————————————————————————————————————————

ขั้นตอนที่ 1 เขียนโปรแกรม (Source Code) 1
         ใช้ Editor เขียนโปรแกรมภาษาซีและทำการบันทึกไฟล์ให้มีนามสกุลเป็น .c เช่น work.c เป็นต้น Editor คือ โปรแกรมที่ใช้สำหรับการเขียนโปรแกรม โดยตัวอย่างของ Editor ที่นิยมนำมาใช้ในการเขียน โปรแกรมได้แก่ Notepad, Edit ของ Dos, TextPad และ EditPlus เป็นต้นการเขียนโปรแกรมสามารถ
เลือกใช้โปรแกรมใดในการเรียนโปรแกรมก็ได้ แล้วแต่ความถนัดของแต่ละบุคคล

———————————————————————————————————————————

ขั้นตอนที่ 2 คอมไพล์โปรแกรม (Compile) 1
         นำ Source Code จากขั้นตอนที่ 1 มาทำการคอมไพล์ เพื่อแปลจากภาษาซีที่มนุษย์เข้าใจไปเป็น
ภาษาเครื่องที่คอมพิวเตอร์เข้าใจได้ ในขั้นตอนนี้คอมไพเลอร์จะทำการตรวจสอบ Source Code ว่าเกิด
ข้อผิดพลาดหรือไม่

         Ø หากเกิดข้อผิดพลาด จะแจ้งให้ผู้เขียนโปรแกรมทราบ ผู้เขียนโปรแกรมจะต้องกลับไปแก้ไขโปรแกรมและทำการคอมไพล์โปรแกรมใหม่อีกครั้ง

         Ø หากไม่พบข้อผิดพลาด คอมไพเลอร์จะแปลไฟล์ Source Code จากภาษาซีไปเป็นภาษาเครื่อง
(ไฟล์นามสกุล .obj) เช่นถ้าไฟล์ Source Code ชื่อ work.c ก็จะถูกแปลไปเป็นไฟล์ work.obj ซึ่งเก็บภาษาเครื่องไว้เป็นต้น Compile เป็นตัวแปลภาษารูปแบบหนึ่ง มีหน้าที่หลักคือการแปลภาษาโปรแกรมที่มนุษย์เขียนขึ้นไปเป็นภาษาเครื่อง โดยคอมไพเลอร์ของภาษาซี คือ C Compiler ซึ่งหลักการที่คอมไพเลอร์ใช้ เรียกว่า คอมไพล์ (Compile) โดยจะทำการอ่านโปรแกรมภาษาซีทั้งหมดตั้งแต่ต้นจนจบ แล้วทำการแปลผลทีเดียว

        นอกจากคอมไพเลอร์แล้ว ยังมีตัวแปลภาษาอีกรูปแบบหนึ่งที่เรียกว่า อินเตอร์พรีเตอร์ การอ่านและ
แปลโปรแกรมทีละบรรทัด เมื่อแปลผลบรรทัดหนึ่งเสร็จก็จะทำงานตามคำสั่งในบรรทัดนั้น แล้วจึงทำการแปลผลตามคำสั่งในบรรทัดถัดไป หลักการที่อินเตอร์พรีเตอร์ใช้เรียกว่า อินเตอร์เพรต (Interpret)

         ตารางเปรียบเทียบตัวแปรภาษา

ตัวแปลภาษา
ข้อดี
ข้อเสีย
คอมไพเลอร์
Ø  ทำงานได้เร็ว เนื่องจากทำ
การแปลผลทีเดียว แล้วจึงทำงานตามคำสั่งของโปรแกรมในภายหลัง
Ø  เมื่อทำการแปลผลแล้ว ในครั้งต่อไปไม่จำเป็นต้องทำการแปลผลใหม่อีก เนื่องจากภาษาเครื่องที่แปลได้จะถูกเก็บไว้ที่หน่วยความจำ สามารถเรียกใช้งานได้ทันที
Ø  เมื่อเกิดข้อผิดพลาดขึ้นกับโปรแกรมจะตรวจสอบหาข้อผิดพลาดได้ยาก เพราะทำ
การแปลผลทีเดียวทั้งโปรแกรม
อินเตอร์พรีเตอร์
Ø  หาข้อผิดพลาดของโปรแกรมได้ง่าย เนื่องจากทำการแปลผลทีละบรรทัด
Ø  เนื่องจากทำงานทีละบรรทัด
ดังนั้นจึงสั่งให้โปรแกรมทำงานตาม
คำสั่งเฉพาะจุดที่ต้องการได้
Ø  ไม่เสียเวลารอการแปลโปรแกรมเป็นเวลานาน
Ø  ช้า เนื่องจากที่ทำงานทีละบรรทัด

————————————————————————————————————————————

ขั้นตอนที่ 3 เชื่อมโยงโปรแกรม (Link) 1
         การเขียนโปรแกรมภาษาซีนั้นผู้เขียนโปรแกรมไม่จำเป็นต้องเขียนคำสั่งต่าง ๆ ขึ้นใช้งานเอง เนื่องจาก ภาษาซีมีฟังก์ชันมาตรฐานให้ผู้เขียนโปรแกรมสามารถเรียกใช้งานได้ เช่น การเขียนโปรแกรมแสดงข้อความ "Yupparajwittayalai" ออกทางหน้าจอ ผู้เขียนโปรแกรมสามารถเรียกใช้ฟังก์ชัน printf() ซึ่งเป็นฟังก์ชัน มาตรฐานของภาษาซีมาใช้งานได้ โดยส่วนการประกาศ (Declaration) ของฟังก์ชั่นมาตรฐานต่าง ๆ จะถูกจัดเก็บอยู่ในเฮดเดอร์ไฟล์แต่ละตัว แตกต่างกันไปตามลักษณะการใช้งาน
        ด้วยเหตุนี้ภาษาเครื่องที่ได้จากขั้นตอนที่ 2 จึงยังไม่สามารถนำไปใช้งานได้ แต่ต้องนำมาเชื่อมโยงเข้ากับ Library ก่อน ซึ่งผลจากการเชื่อมโยงจะทำให้ได้ Executable Program (ไฟล์นามสกุล.exe เช่น work.exe)
ที่สามารถนำไปใช้งานได้

———————————————————————————————————————————

ขั้นตอนที่ 4 ประมวลผล (Run) 1
        เมื่อนำ Executable Program จากขั้นตอนที่ 3 มาประมวลผลก็จะได้ผลลัพธ์ (Output) ของโปรแกรมออกมา


รูปที่ 1 ขั้นตอนการพัฒนาโปรแกรมด้วยภาษาซี

        

        ในขั้นตอนสุดท้าย โปรแกรมที่สามารถรันได้จะถูกนำเข้าสู่หน่วยความจำของเครื่องคอมพิวเตอร์
โดยโปรแกรมบรรจุ (Loader) จากนั้นการรันโปรแกรมจึงเริ่มต้นขึ้น ซึ่งผลที่ได้จากการรันโปรแกรมขึ้นอยู่กับ
คำสั่งในโปรแกรมที่ปรากฏอยู่ในรหัสต้นฉบับที่เขียนโปรแกรมนั่นเอง

(แหล่งข้อมูล...  คู่มือเขียนโปรแกรมด้วยภาษา C ฉบับสมบูรณ์ / อรพิน ประวัติบริสุทธิ์)

——————————————————————————————————————————————